บริษัท ไอแซค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
โทร 02-735-0581-8
  • th

บทความ


บทความ

ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire alarm System)

ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้มีหน้าทีแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้น และมีระบบสปริงเกิลทำหน้าที่ในการดับเพลิง  ในการออกแบบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้จะต้องให้รู้พื้นที่หรือจุดเกิดเหตุได้ เร็ว และมีสัญญาณแจ้งเหตุเพื่อแจ้งเตือนให้บุคคลในพื้นที่นั้นๆ อพยพโดยรวดเร็วและปลอดภัย ดังนั้นการออกแบบติดตั้งจึงต้องให้มีความเหมาะสมกับลักษณะอาคารในแต่ละ ประเภท  ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ

1. ระบบการแจ้งเหตุเป็นโซน (Conventional System)
2. ระบบการแจ้งเหตุเป็นจุด (Addressable System)

1. ระบบการแจ้งเหตุเป็นโซน (Conventional System)
ระบบนี้เป็นการแบ่งพื้นที่การควบคุมของอาคารออกเป็นส่วนๆหรือโซน ซึ่งในการแบ่งพื้นที่โซนจะมีหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานกำหนด เพื่อให้มีระยะค้นหาในจุดที่เกิดเหตุได้

ในการออกแบบการแจ้งเหตุในแบบนี้ จะทำให้เรารู้ถึงพื้นที่การเกิดเหตุแบบเป็นโซนกว้างๆ จะไม่ทราบจุดเกิดเหตุโดยตรง อาจจะต้องตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง ระบบนี้มักติดตั้งในอาคารที่มีขนาดเล็ก

2. ระบบการแจ้งเหตุแบบระบุตำแหน่ง (Addressable System)
ระบบนี้ เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ระบบสามารถบอกพื้นที่หรือตำแหน่งการเกิดเหตุได้โดย ตรง ทำให้สามารถเข้าระงับเหตุและอพยบคนออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว อุปกรณ์ตรวจจับในระบบนี้ก็ต้องใช้อุปกรณ์ที่สามารถระบุตำแหน่งได้ (Addressable Device) ระบบนี้มักติดตั้งในอาคารที่มีขนาดใหญ่


 
องค์ประกอบของระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System)
1. ตู้ควบคุม (Control Panel)
2. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ (Initiating Devices)
3. อุปกรณ์แจ้งสัญญาณ (Notification Appliance Devices, NAC)
4. อุปกรณ์แยกแจ้งสัญญาณ (Graphic Annunciator)
5. อุปกรณ์เสริม (Auxiliary Devices)


 
 

1. ตู้ควบคุม (Fire Alarm Control Panel)

ตู้ควบคุมสัญญาณระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm Control Panel) เป็นชุดควบคุมการทำงานของระบบหรือเป็นหน่วยปฏิบัติการ สามารถแสดงผลการตอบสนองของอุปกรณ์ตรวจจับ และส่งสัญญาณแจ้งเหตุไปตามตำแหน่งต่างๆที่ออกแบบเอาไว้

 

2. อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ (Initiating Devices)

  

อุปกรณ์เริ่มสัญญาณ เป็นอุปกรณ์ตรวจจับการเกิดเหตุเพลิงไหม้ (Detector) สามารถตรวจจับได้ทั้งความร้อน ควันและเปลวไฟ เป็นต้น จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ในแต่ละพื้นที่ อุปกรณ์ตรวจจับจะทำหน้าตรวจจับเหตุเพลิงไหม้และจะส่งสัญญาณไปให้ตู้ควบคุม เพื่อประมวลผล

อุปกรณ์เริ่มสัญญาณสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
• อุปกรณ์เริ่มสัญญาณจากบุคคล (Manual Call Point)
• อุปกรณ์เริ่มสัญญาณโดยอัตโนมัติ (Detector)

2.1 อุปกรณ์เริ่มสัญญาณจากบุคคล (Manual Call Point) อุปกรณ์เริ่มสัญญาณจากบุคคล
(Manual Call Point ) เป็นอุปกรณ์เริ่มสัญญาณแบบใช้มือดึง หรือกด หรือทุบกระจก (Break Glass) จากบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ ส่วนใหญ่จะติดตั้งไว้ในจุดต่างๆที่ที่คนเห็นได้ง่าย

2.2 อุปกรณ์เริ่มสัญญาณโดยอัตโนมัติ (Detector)

เป็นอุปกรณ์เริ่มสัญญาณ ที่สามารถตรวจจับการเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยอัตโนมัติซึ่งมีหลายชนิดตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ของการใช้งาน แยกตามชนิดต่างๆดังนี้

2.2.1 อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector)


เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจจับความร้อนจากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ในการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ชนิดนี้ ต้องเลือกอุณหภูมิของอุปกรณ์ให้เหมาะสม โดยให้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในห้องหรือพื้นที่ที่ติดตั้งด้วย แต่อุปกรณ์ชนิดนี้ไม่เหมาะที่จะติดตั้งในห้องพักหลับนอน สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ

1. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ชนิดกำหนดอุณหภูมิ (Fixed Temperature)
อุปกรณ์ชนิดนี้จะทำงานเมื่อมีอุณหภูมิถึงจุดที่กำหนดอุณหภูมิเดียว โดยทั่วไปจะมีอุณหภูมิกำหนดอยู่ที่ 135 องศา C หรือ 200 องศา F (หรือมากกว่านั้น) พื้นที่ที่ควรติดตั้งอุปกรณ์ชนิดนี้ เช่น ในห้องครัว หรือห้องเครื่อง เป็นต้น

2. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ชนิดคอมบิเนชั่น (Combination)
หมายความว่า ภายในอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดนี้จะมีการตรวจจับอยู่ 2 แบบอยู่ในตัวเดียวกัน คือ ทำงานเมื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเกิน ที่กำหนด ( Rate of Rise Temperature) และ ตรวจจับที่อุณหภูมิกำหนด (Fixed Temperature) เมื่อรวมกันจึงเป็นชนิดคอมบิเนชั่นหรือ (Rate of Rise & Fixed Temperature) โดยทั่วไปจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 135 องศา C หรือ 200 องศา F เช่นกัน

การทำงานของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิด ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเกินที่กำหนด (Rate of Rise Temperature) นั้นหมายความว่า อุปกรณ์จะทำงานที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นไปในอัตรา 8 องศา C (15 องศา F) ต่อนาที อุปกรณ์ก็จะทำงาน

2.2.2 อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector)



อุปกรณ์ตรวจจับควัน ( Smoke Detector )เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจจับควันจากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบเพื่อป้องกันชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ อุปกรณ์ตรวจจับควัน แบบ Ionization และ อุปกรณ์ตรวจจับควัน แบบ Photoelectric

 

3. อุปกรณ์แจ้งสัญญาณ (Notification Appliance Devices)

อุปกรณ์แจ้งสัญญาณ (Notification Appliance Devices) เป็นอุปกรณ์เสียงหรือแสงเพื่อแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นใน บริเวณ หรืออาคารนั้นๆ โดยวัตถุประสงค์เพื่อต้องการอพยพบุคคลที่อยู่บริเวณนั้น สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้จะอยู่หลายชนิด เช่น แจ้งเหตุด้วยเสียงจาก กระดิ่ง (Bell) , เสียงอิเล็คทรอนิคส์ (Horn), เสียงสโลว์วูฟ และเสียงประกาศจากลำโพง (Speaker), และ แจ้งเป็นแสงกระพริบ (Strob) เป็นต้น สามารถเลือกใช้ตามความต้องการและชนิดของอาคารว่าจะใช้เสียงชนิดใด โดยต้องมีระดับความดังตามมาตรฐานกำหนด

 

4. อุปกรณ์แยกแจ้งสัญญาณ (Graphic Annunciator)

  

เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้เพื่อดูจุดเกิดเหตุภายในอาคารได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะสามารถบอกตำแหน่งในการเข้าไประงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว อุปกรณ์แยกแจ้งสัญญาณ (Graphic Annunciator) จะนิยมแสดงแผนผังของอาคารนั้นๆ และแสดงโซนหรือจุดของอุปกรณ์ตรวจจับตามตำแหน่งที่ออกแบบไว้

ถ้าระบบเป็นระบบการแจ้งเหตุเป็นจุด (Addressable System) อาจจะแสดงเป็น Graphic Software บน คอมพิวเตอร์ก็ได้

 

5. อุปกรณ์เสริม (Auxiliary Devices)
เป็นอุปกรณ์เสริมในระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เพื่อทำหน้าที่รับ-ส่งสัญญาณไปยังระบบอื่นๆ ของอาคาร เช่น

- ระบบบังคับลิฟต์ลงมาชั้นล่าง
- การปิดพัดลมในระบบปรับอากาศ
- การควบคุมปิด-เปิดประตูหนีไฟ
- ควบคุมระบบกระจายเสียงและประกาศแจ้งข่าว

ส่วนประกอบที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นเป็นเพียงองค์ประกอบของระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เบี้องต้นเท่านั้น ยังคงมีรายละเอียดและองค์ประกอบอีกมาก เช่น ระบบโทรศัพท์ (Fire Fighting Telephone System) หรือ ระบบการแจ้งหตุเพื่ออพยพด้วยเสียงประกาศ (Voice Evacuated System) รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยี่ของระบบ โดยสามารถติดต่อเป็นระบบโครงข่าย (Network  System) หรือติดต่อและสั่งงานผ่าน Internet หรือ IP  Network ได้อีกด้วย